top of page
ค้นหา

Design Trend 2026

  • รูปภาพนักเขียน: Arisa Chattasa
    Arisa Chattasa
  • 5 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที

ปี 2026 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน เพราะแนวโน้มที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นแค่รูปแบบงานตกแต่ง แต่เป็นการขยับของปรัชญาการออกแบบทั้งหมด ตั้งแต่ความคิดเกี่ยวกับ Space, วัสดุ ไปจนถึงพฤติกรรมของมนุษย์ในพื้นที่ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่สถาปัตยกรรม “เรียบง่ายขึ้น + ซับซ้อนขึ้น” ความต้องการของผู้ใช้งานที่มุ่งไปสู่คุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และการสัมผัสวัสดุจริงที่ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

 

1. Clean Spaces, but Layered with Texture and Character พื้นที่ดูแล้วสะอาดตา แต่มีความลึกของผิวสัมผัส


Clean Space ในความหมายของปี 2026 ไม่ใช่ Minimalism แบบแบนเรียบ หรือการลดองค์ประกอบจนแทบไม่เหลืออะไร แต่เป็นการตัดสิ่งรกรุงรัง .. ไม่จำเป็นออก เพื่อให้วัสดุและผิวผนังทำหน้าที่แทน Art Work ต่าง ๆ นั่นเอง ความสะอาดของพื้นที่จึงถูกนิยามใหม่ ไม่ใช่ความว่าง แต่ คือ ความชัดเจนของพื้นผิวและการจัดวางอย่างมีมิติ เกิดคำถามว่า ทำไม Texture จึงเป็นแกนหลักของ Space สมัยใหม่ ? คำตอบ คือ เพราะงานสถาปัตยกรรมกำลังให้ความสำคัญกับ “Tactile Experience” มากขึ้น พื้นที่ที่มี Detail ในการสัมผัสระดับ Micro ที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ก็เปลี่ยนคุณภาพของบรรยากาศได้ Tanyarin เป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรม ไม่ใช่เพียงงานปิดผิวอะไรก็ได้ หรือเอาอะไรก็ได้มาเทียบเคียง เพียงเพื่อให้ได้คำว่า “Feel ประมาณนั้น !!” MicroCement ไม่มีรอยต่อ ช่วยกำหนดสภาวะของ Space Continuity ได้เป็นอย่างดี หรือแม้กระทั่ง การตกแต่งผนังแนว Stucco และแบบหน้าผาหิน Scultura ที่เพิ่มชั้นผิวแบบละเอียด (Micro - Layering) ที่ทำให้ผนังดูมีความลึกเชิงสถาปัตยกรรม แนวคิด “Clean but Layered” จึงทำให้ผนังกลายเป็นองค์ประกอบหลักของ Space และงานของ Tanyarin จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสถาปัตยกรรมชั้นสูง ไม่ใช่งานตกแต่งพื้นผิวแบบทั่วไป


ree

 

ree

ree

2. Colour Drenching and Rich Palettes สถาปัตยกรรมที่ใช้ “สี” เป็นโครงสร้างของบรรยากาศ ไม่ใช่ของตกแต่ง


Colour Drenching คือ แนวคิดที่ใช้สีเป็น “การเชื่อมต่อพื้นที่” ตั้งแต่ผนัง เพดาน ไปจนถึง Built - In บางส่วน เพื่อสร้างบรรยากาศต่อเนื่องโดยไม่มี Visual Break ในเชิงสถาปัตยกรรม นี่ คือ การสร้าง Monolithic Space ที่สีและวัสดุเป็นเนื้อเดียวกันทั่วทั้งพื้นที่ หลายคนถามว่า ทำไมปี 2026 ถึงนิยม Rich Palettes ? เพราะสีต้องทำงานร่วมกับแสงธรรมชาติและผิววัสดุเพื่อสร้าง Depth เฉดลึกอย่าง Earthy Brown, Mineral Green, Ochre, Midnight Blue ทำให้เกิดความรู้สึก Grounded และสร้าง Emotional Stability ให้กับผู้ใช้งาน Space นั้น ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Tanyarin ไม่ใช่แค่ “สีทา” แต่เป็นวัสดุที่มี “สีในเนื้อ” สีจึงออกมาแบบไม่แบน มีมิติลึก และมี Mineral Undertone วัสดุที่ Tanyarin ใช้ตกแต่งผนัง เพดานและพื้นนั้น ล้วนนำเข้ามาจากอังกฤษและอิตาลีทั้งสิ้น ไม่นำเข้ามาจีนเลย เพราะ Tanyarin คำนึงเรื่องคุณภาพที่สูง พร้อมกับมาตรฐานเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอับดับแรก Material ที่ใช้จะให้ผิวสัมผัสที่มีความ Organic สูงมาก จึงดูเป็นธรรมชาติมากกว่า นี่ คือ ระดับความแม่นยำของสีที่ Colour Paint ทั่วไปไม่สามารถให้ได้ เพราะวัสดุแท้จะตอบสนองแสงและ Texture ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

 

ree

3. Natural Material, Texture and Craft วัสดุธรรมชาติและงาน Craft กลับมาเป็นแกนกลางของการออกแบบสถาปัตยกรรมภายในและภายนอกเพื่อ Personalisation


ทั่วโลกกำลังกลับไปหาวัสดุที่มีความเป็นธรรมชาติและสามารถตีความได้ผ่านแสง เงา เวลา และการใช้งานจริง ไม่ใช่วัสดุที่พยายามเลียนแบบแต่ไร้จิตวิญญาณของต้นแบบ Trend นี้เกิดขึ้นเพราะอะไร ? ก็เพราะ ..

  1. ผู้คนตระหนักว่า ความสบายและปลอดภัยเกิดจากวัสดุที่ “หายใจได้”

  2. วัสดุธรรมชาติช่วยควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่าวัสดุสังเคราะห์

  3. ผู้ใช้งานต้องการ Space ที่ Aging ได้อย่างสวยงาม

  4. งาน Craft กำลังเป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจแบบลงลึกไปในระดับ Personalisation และคุณค่าชั้นสูงของพื้นที่ ไม่ใช่เพียง Customisation อีกต่อไป

 

Tanyarin ให้ความสำคัญเรื่อง Personalisation มาก หลายคนยังคงสับสนและยังไม่เข้าใจว่าแตกต่างกับ Customisation อย่างไร ความแตกต่างระหว่าง Personalisation vs Customisation มีอยู่มากเลยทีเดียว นั่นคือ


1) Customisation คือ การ “เลือก” ในกรอบที่ถูกกำหนดไว้

เป็นการปรับแต่งอยู่บนชุดตัวเลือกที่มีอยู่แล้ว (Pre - Defined Options) คือ การที่ลูกค้าสามารถเลือกได้จาก

  • โทนสีมาตรฐาน

  • ลวดลายที่มี Reference

  • Texture ที่ถูกทำเป็น Prototype ไว้

  • ความเข้ม – อ่อน หรือการเกลี่ยที่มี Guideline ชัดเจน

  • Finishing ที่มีสูตรสำเร็จอยู่แล้ว เช่น Matt, Satin, Glossy, Metallic เฉพาะรุ่น


Customisation จึงหมายถึงการที่ลูกค้า “เลือกจากสิ่งที่เราวางระบบไว้แล้ว” แม้จะปรับได้ แต่ยังอยู่ในกรอบของผลิตภัณฑ์เดิม, ควบคุมคุณภาพได้ 100% และเหมาะกับงานที่ต้องการความสม่ำเสมอระหว่างหลายพื้นที่


2) Personalisation คือ การ “สร้างใหม่” ตาม "ตัวตน" ของผู้ใช้งานจริง

การออกแบบผิวสัมผัสและเฉดสีขึ้นใหม่ทั้งหมดตาม

  • ตัวตนของผู้ใช้

  • Mood & Story ของสถาปัตยกรรม

  • ความรู้สึกที่ต้องการสื่อผ่านผนัง

  • แสงของพื้นที่จริง

  • ความต้องการเฉพาะที่ไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จรูปได้


Personalisation คือ ระดับที่ลึกกว่า Customisation มาก เพราะไม่ใช่การ “เลือก” แต่เป็นการ “ร่วมออกแบบ”ระหว่างเจ้าของโครงการ × นักออกแบบ × ทีมงาน Tanyarin ดังนั้น Personalisation จึงต้องอาศัย 4 สิ่ง


  1. การคิดเฉดสีใหม่จากศูนย์ ไม่ใช่หยิบจากเล่ม Catalogue

  2. การออกแบบ Pattern เฉพาะพื้นที่ เช่น การไหลของเส้น Rammed Earth แบบไม่ซ้ำ

  3. การสร้าง Texture เฉพาะบุคคล บางครั้งเกิดจากแรงปาดมือเฉพาะตัวของช่าง

  4. การ Mockup หน้างาน เพื่อผูกวัสดุเข้ากับแสงจริงใน Space แม้จะเป็น Design เดียวกัน แต่หากแสงตกกระทบกันคนละพื้นที่ ซึ่งจะทำให้บางส่วนเข้มหรืออ่อน ไม่สม่ำเสมอ ไม่เท่ากัน ก็จำเป็นต้องปรับให้สีเข้มอ่อนได้ในแต่ละพื้นที่นั้น ๆ เพื่อให้มีความเท่ากันโดยรวม


ree

ree

ree

Tanyarin นำงาน Craft มาตอบโจทย์ Personalisation แทน Customisation ได้เป็นอย่างดี สามารถลงลึกไปในระดับ Personalisation (แบบปัจเจก .. เฉพาะตัวบุคคล) ที่ไม่ใช่เพียงแค่ Customisation อีกต่อไป เพราะ Customisation คือ การเลือกและกำหนดสี + แบบลายจากที่วางกรอบไว้แต่ Personalisation คือ การที่ Tanyarin ร่วมกันออกแบบควบคู่ไปกับเจ้าของโครงการและ Designer ในทุก Detail เพื่อสะท้อน DNA ของเจ้าของโครงการให้มากที่สุดผ่านการตกแต่งพื้นผิวนั่นเอง


ree

ree

ree

4. Curve and Soft Form


เส้นโค้ง คือ ภาษาสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026 เพื่อสร้างความต่อเนื่องและความนุ่มของ Space นอกจากนี้ Curve ถูกนำมาใช้มากขึ้นเพราะช่วยลดเส้นแข็งทื่อ, ควบคุม Flow ของการเคลื่อนไหวในการมองเห็นส่วนต่าง ๆ ของอาคาร, ทำให้ Psychological Comfort สูงขึ้น และสร้าง Spatial Rhythm ที่ดีกว่าเส้นตรงล้วน ดังนั้น ผนังหรือฝ้าโค้งในปี 2026 จึงไม่ได้มีเพื่อความสวย แต่มีเพื่อปรับคุณภาพการใช้ชีวิตใน Space นั้น ๆ Tanyarin สามารถทำงานโค้งได้ในระดับ Architectural Grade เพราะวัสดุทุกระบบถูกออกแบบให้เกาะกับ Background และปรับตัวตาม Curvature ของผนัง พื้น ฝ้าและ Furniture ได้เป็นอย่างดี


ree

 

ree

ree

5. Wellness - Centric, Sustainable, Slow Design


สถาปัตยกรรมที่สร้างให้ “ดีต่อสุขภาพและดีต่อโลก” เป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่จุดขายประกอบ ปี 2026 เป็นปีที่ Wellness และ Sustainability กลายเป็น Parameter หลักในการออกแบบ เพราะงานสถาปัตยกรรมต้องตอบโจทย์มากกว่า Function การใช้งาน คือ ต้องส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัยด้วย


Wellness ในสถาปัตยกรรมประกอบด้วย

  • อากาศที่ดี (Zero VOC)

  • เสียงรบกวนต่ำ (Acoustic Quality)

  • ความชื้นสมดุล (Breathable Materials)

  • แสงที่กลมกลืนกับผิววัสดุ

  • ผิวสัมผัสที่ไม่สร้างความตึงเครียด


Sustainable และ Slow Design จะเป็น Key Word ที่สถาปนิกทั่วโลกให้ความสำคัญ คือ การเลือกวัสดุที่มีอายุยาวนาน ใช้ Craft จริง ทำอย่างมีคุณภาพ ไม่เร่งจบ เพราะยิ่งนานยิ่งมีคุณค่า Tanyarin ให้ความสำคัญในประเด็นนี้มาก จึงเลือกใช้แต่ Material ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้

  • วัสดุ Zero VOC ไม่มีสารระเหยก่อมะเร็ง ทุกระบบ ดีต่ออากาศในอาคาร

  • Acoustic Plaster ปรับคุณภาพเสียง ลดเสียงสะท้อน และลดความเครียดจาก Noise

  • งาน Craft แบบ Slow Design ผนังที่สร้างโดยช่างที่มีทักษะ ไม่ใช่เครื่องจักรด้วย Design และผิวสัมผัสที่ร่วมสมัย

 

ปี 2026 คือ ปีที่ผิวสัมผัสกลายเป็นภาษาใหม่ของสถาปัตยกรรมและ Tanyarin คือ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำในอันดับต้น ๆ ของเอเชียในภาษานั้นอย่างแท้จริง ทุก Trend ที่กล่าวมา ไม่ได้เป็นสิ่งที่ Tanyarin ทำตามแต่เป็นสิ่งที่ Tanyarin “ทำมาก่อน ทำอย่างมีคุณค่า และทำอย่างลุ่มลึกมาตลอด 2 ทศวรรษ” จนกลายเป็นมาตรฐาน Base Line ให้กับอุตสาหกรรมนี้

ความคิดเห็น


  • Black Facebook Icon
  • Black Instagram Icon
  • 3a50fj7o
  • ไอคอนสีดำ Pinterest
  • ไอคอนสีดำ LinkedIn

© 2023 by Tanyarin.com

bottom of page