ในโลกที่การออกแบบเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม Design Trend 2025 จะพาเราไปสำรวจแนวโน้มที่สะท้อนถึงความต้องการและจิตวิญญาณแห่งยุคสมัย จากการผสมผสานความงามของธรรมชาติ เทคโนโลยีอัจฉริยะ และความยั่งยืนอย่างสมดุลย์ Tanyarin จะชี้ให้เห็นถึงทิศทางของ Design ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โทนสีที่สร้างอารมณ์ใหม่ หรือสถาปัตยกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุค Digital
Cr.ภาพจาก WGSN
Bold & Pattern: พลังแห่งลวดลายที่สะท้อน Maximalism
ในปี 2025 หนึ่งในกระแสการออกแบบที่มาแรงคือ Bold & Pattern ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Maximalism ที่ยกระดับการแสดงออกอย่างเต็มที่ผ่านสีสันจัดจ้านและลวดลายที่ซับซ้อน กล้าหาญ และสะดุดตา Bold & Pattern คือ การผสานความหลากหลายที่ดูเหมือนไร้ระเบียบให้กลายเป็นความสมดุลย์ที่สร้างความประทับใจ โทนสีสดใสและลวดลายที่โดดเด่นถูกนำมาใช้ในทุกมิติ ตั้งแต่สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงการตกแต่งผนัง วัสดุที่ใช้มักเล่นกับความเงางามและผิวสัมผัสเพื่อเพิ่มมิติและพลังงานให้กับพื้นที่ อิทธิพลจาก Maximalism ไม่ได้หมายถึงความเยอะจนไร้ทิศทาง แต่เป็นการสร้างความจงใจในความอลังการเพื่อสะท้อนตัวตน ความคิดสร้างสรรค์ และความสนุกสนาน Bold & Pattern จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการออกแบบที่มุ่งเน้นการปลุกเร้าประสาทสัมผัส และปลดปล่อยจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัดนั่นเอง
ถึงเวลาแล้วที่วงการออกแบบจะปลดเปลื้องตัวเองจากกรอบของ Minimalism ที่ซ้ำซากและไร้ความตื่นเต้น แม้แนวทางเรียบง่ายนี้จะเคยได้รับความนิยม แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นภาพซ้ำเดิมที่น่าเบื่อ ไร้ความโดดเด่น และไม่ตอบโจทย์ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หากคุณต้องการสร้างชื่อเสียงในฐานะ Interior Designer หรือสร้างเอกลักษณ์ให้สถานที่ของคุณเอง Bold & Pattern คือ คำตอบ ด้วยพลังของสีสันที่สดใสและลวดลายที่สะดุดตา มันสามารถปลุกชีวิตให้กับพื้นที่และสื่อสารตัวตนของผู้ออกแบบได้อย่างทรงพลัง ไม่มีที่ว่างสำหรับ "ความคร่ำครึ" อีกต่อไป ในการสร้างความประทับใจที่เหนือระดับ Bold & Pattern ไม่ใช่แค่การออกแบบ แต่คือ การเล่าเรื่องและการสร้างอารมณ์ ที่ดึงดูดทุกสายตา หากคุณยังยึดติดกับความเรียบง่ายแบบเดิม ๆ ก็เท่ากับคุณปล่อยให้โอกาสในการสร้างความแตกต่างหลุดลอยไป โลกของการออกแบบกำลังมองหาความสดใหม่ และหากคุณไม่ปรับตัว ก็มีคนอีกมากมายพร้อมที่จะแซงหน้าไป อย่าปล่อยให้พื้นที่ของคุณกลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่จมหายไปในความธรรมดา ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างผลงานที่เป็นที่จดจำ ด้วย Bold & Pattern ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และสะท้อนถึงความก้าวหน้าในทุกมิติของการออกแบบ
Biophilic Design การเชื่อมโยงธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ชีวิต
Biophilic Design คือ แนวคิดการออกแบบที่เน้นการนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อยู่อาศัยและทำงาน เพื่อเสริมสร้างความสมดุลย์ทางกายและใจ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง หัวใจของการตกแต่งในสไตล์นี้ คือ การผสมผสานองค์ประกอบจากธรรมชาติ เช่น แสงแดด พื้นผิวไม้ ลวดลายหินธรรมชาติ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่านต้นไม้และพืชพรรณ การออกแบบยังคำนึงถึงการระบายอากาศที่ดี การใช้วัสดุจากธรรมชาติ และการจัดวางพื้นที่ที่สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของแสงและเงาตามธรรมชาติ อาจจะนำต้นไม้ใบหญ้าจริงมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งก็ได้ หรืออาจจะไม่จำเป็น เพียงดึงอัตลักษณ์ของธรรมชาติเหล่านั้นมาเป็นลวดลายปรากฏในสถานที่นั้น ๆ ก็เป็นได้
ข้อดีของการออกแบบแนว Biophilic Design
สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สีเขียวและแสงธรรมชาติช่วยลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และสร้างความรู้สึกสงบ
เชื่อมโยงกับความยั่งยืน การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
เพิ่มคุณภาพชีวิต พื้นที่ที่ผสานธรรมชาติเข้ากับการออกแบบช่วยปรับปรุงสุขภาพกายและใจ
การตกแต่งในสไตล์ Biophilic ไม่ได้เป็นเพียงการจัดวางต้นไม้ในมุมห้อง แต่เป็นการคิดถึงระบบนิเวศในพื้นที่นั้น ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่สะท้อนธรรมชาติ ไปจนถึงการออกแบบที่ช่วยให้คนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่มีชีวิตชีวา Biophilic Design จึงไม่ใช่เพียงแค่แนวทางการตกแต่ง แต่เป็นวิถีที่ช่วยให้มนุษย์กลับมาสัมผัสกับธรรมชาติอีกครั้งในชีวิตประจำวันอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน
การเลือกเฉดสีใน Biophilic Design ความธรรมชาติที่พลิกโฉมสู่ความแปลกใหม่นั้น แม้ Biophilic Design จะมุ่งเน้นการดึงธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ แต่ในแง่ของการเลือกเฉดสี คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับเฉด Earth Tone แบบดั้งเดิมเสมอไป หากต้องการสร้างงานออกแบบที่ เหนือระดับและแตกต่าง การนำกลุ่มสีที่ แปลกตา แต่ยังคงความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ คือ คำตอบที่โดดเด่นและสร้างเอกลักษณ์ได้อย่างน่าทึ่ง
แนวคิดในการเลือกสีที่แตกต่าง
สีธรรมชาติในมุมมองใหม่ แทนที่จะใช้โทนสีน้ำตาล เขียว หรือครีมแบบดั้งเดิม คุณอาจเลือก สีเขียวมรกต สีฟ้าคราม หรือ สีเหลืองอำพัน ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแร่ธาตุและอัญมณีธรรมชาติ นี่ คือ การนำความงามของธรรมชาติมาในมุมมองที่มีศิลปะมากขึ้น
สีแปลกตาที่สร้างมิติใหม่ ลองผสมผสานสีม่วงอ่อน ที่ชวนให้นึกถึงทุ่งลาเวนเดอร์ หรือ ส้มอมแดง ที่สะท้อนความงดงามของดวงอาทิตย์ยามเย็น การใช้สีเหล่านี้ช่วยเติมความสดชื่นและสร้างพลังให้กับพื้นที่
คงความรู้สึกธรรมชาติแม้จะกล้าเล่นสี แม้จะเลือกใช้สีที่โดดเด่นและแตกต่าง แต่ยังสามารถรักษารูปลักษณ์และอารมณ์ของธรรมชาติไว้ได้ เช่น ใช้เฉดสีแบบ Gradient ที่เลียนแบบการไล่สีของท้องฟ้า พระอาทิตย์ตก หรือชั้นแร่ของหิน
นอกจากนี้ อีกหนึ่งในเทรนด์การตกแต่งที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ คือ การสร้าง ผนังและฝ้าเพดานแบบผาหินธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า "Scultura" อย่างสมจริงทั้งรูปลักษณ์และผิวสัมผัส โดยวัสดุนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใกล้เคียงกับหินธรรมชาติที่สุด แต่มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์งานตกแต่งสมัยใหม่ได้ดียิ่งกว่า
ทำไม Scultura จึงมาแรง ???
ผิวสัมผัสเหมือนหินจริง ให้ความรู้สึกของธรรมชาติที่จับต้องได้ ไม่เพียงแต่ดูสมจริง แต่ยังมอบสัมผัสที่เหมือนกับหินแท้
น้ำหนักเบา ช่วยลดปัญหาการติดตั้งและการรับน้ำหนักของโครงสร้างเมื่อเทียบกับหินธรรมชาติ
ไร้รอยต่อ สร้างลุคที่หรูหราและเนียนตา ตอบโจทย์การออกแบบที่ต้องการความสวยงามสมบูรณ์แบบ
ปรับแต่งได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย (Pattern) เฉดสี หรือ Effect พิเศษ เช่น เส้นสายแร่สีทอง ที่แวววาวสร้างความหรูหรา หรือ มอสธรรมชาติ ที่เพิ่มความสดชื่นและแบบ Biophilic Design เปิดโอกาสให้นักออกแบบสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้หลากหลาย เช่น การสร้างผนังที่มีความลึกและมิติด้วย Effect แสงเงา หรือการใส่ลวดลายพิเศษที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพื้นที่
ประหยัดงบประมาณ ผู้ตกแต่งสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งได้ เพราะการนำหินจริง ๆ มาตกแต่งนั้น ยุ่งยาก และนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายของค่าหินและการติดตั้งมาก การใช้ Scultura นี้ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นไปได้มากทีเดียว
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราไม่จำเป็นต้องไปรบกวนทำลายธรรมชาติเพื่อนำหินจริง ๆ มาตกแต่ง เราสามารถใช้ Scultura เพื่อสร้างสรรค์ลายหินและผิวสัมผัสให้เป็นหินได้ โดยวัสดุนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำวัตถุดิบต่าง ๆ มา Recycle ตอบโจทย์เรื่อง Circular Economy ด้วย
Trend นี้ไม่เพียงแต่นำธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ชีวิต แต่ยังเป็นการผสานเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เพื่อยกระดับงานออกแบบให้ล้ำหน้าและน่าจดจำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์ให้กับงานตกแต่งในแบบที่ธรรมชาติกับความ Modern รวมตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย
ดูเพิ่มเติมได้ที่ Scultura
การออกแบบอย่างยั่งยืน (Sustainability) ความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ในยุคที่แนวคิด Sustainability เป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบ การสร้างผนัง ฝ้าเพดาน หน้าบานตู้ และเฟอร์นิเจอร์ด้วยวัสดุที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ จึงกลายเป็นกระแสที่ตอบรับทั้งความสวยงามและความรับผิดชอบต่อโลก
คุณสมบัติสำคัญในงานออกแบบเพื่อความยั่งยืน
ปลอดสารเคมีอันตราย วัสดุที่ใช้จะต้องไม่มีสารระเหย (Zero VOC) ที่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือมลพิษต่ออากาศภายในอาคาร อีกทั้งยังไม่สร้างฝุ่นหรือสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
Reuse & Recycle การประยุกต์ใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดคุณค่าใหม่ เป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยม เช่น
เชือกฟาง สร้างลวดลายบนผนัง เพดานหรือตกแต่งหน้าบานตู้
เศษแก้วไร้คม เพิ่มความแวววาวให้กับพื้นผิว
เม็ดพลาสติก ใช้สร้างพื้นผิวแบบโมเสกหรือรูปแบบที่แปลกตา
ข้าวเปลือกและฟางข้าว สร้าง Look ให้ดูเป็นธรรมชาติที่อบอุ่นและโดดเด่น
วัสดุที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมวัสดุที่นำมาใช้ในการออกแบบต้องสามารถย่อยสลายหรือ Recycle ได้ ลดการสร้างขยะที่ไม่จำเป็น
จุดเด่นของการออกแบบแนวนี้:
เพิ่มความสวยงามและเอกลักษณ์ให้กับพื้นที่ด้วยวัสดุที่มีเรื่องราว
ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี
แสดงออกถึงความรับผิดชอบของเจ้าของสถานที่ที่ใส่ใจโลกและสังคม
การตกแต่งที่ผสาน ความคิดสร้างสรรค์กับความยั่งยืน ไม่เพียงเป็นการยกระดับพื้นที่ให้สวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าของการดูแลโลกใบนี้ให้คงอยู่กับเราต่อไปอย่างยั่งยืนและทรงคุณค่าในทุกมิติ
การผสมฟางข้าวลงในผนัง Clime + Calce & Clay
การผสมฟางข้าวลงในผนัง Clime + Calce & Clay
การผสมกากกาแฟลงในผนัง Clime + Calce & Clay
การผสมแก้วที่ปราศจากคมของแก้ว Murano อิตาลีและเศษพลาสติกลงในผนัง Calce & Clay
การออกแบบตกแต่งภายในที่สวยงาม VS. ความลงตัวที่สะท้อนรสนิยมเหนือระดับ
การออกแบบตกแต่งที่สวย คือ การสร้างสรรค์พื้นที่ที่ผสมผสานระหว่างความงามและการใช้งานอย่างสมดุลย์ เพื่อให้พื้นที่นั้นไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม ความสวยงามในนิยามธรรมดานี้ ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าการออกแบบนั้นต้องการยกระดับขึ้นไปอีกขั้นด้วยการผสมผสาน "สุนทรียศาสตร์เชิงศิลป์" เพื่อสะท้อน รสนิยมที่เหนือระดับ และแสดงถึงความประณีตที่แฝงความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย ย่อมต้องการ ประสบการณ์ ความกล้าในการคิดนอกกรอบ และผู้ที่สามารถสร้างสรรค์ที่หน้างานอย่างเป็นมืออาชีพอย่าง Tanyarin
หัวใจของการออกแบบที่ก้าวข้ามความธรรมดา
รสนิยมที่แสดงตัวตน การเลือกวัสดุ สี ลวดลาย หรือองค์ประกอบที่ไม่เพียงแต่สวย แต่ยังสะท้อนตัวตนของผู้ใช้งาน และสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม
การกล้าแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ ต้องใช้จินตนาการและความเชื่อมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่าง เช่น การใช้วัสดุที่แปลกใหม่ การจัดองค์ประกอบที่ขัดแย้งอย่างกลมกลืน หรือการนำงานศิลปะมาผสมผสานในพื้นที่
สุนทรียศาสตร์เชิงศิลป์ การออกแบบที่สวยในเชิงศิลป์ ไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ แต่เป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่มีชีวิต มีเรื่องราว และดึงดูดสายตาอย่างมีเอกลักษณ์
ประสบการณ์และทักษะที่เหนือชั้น การสร้างพื้นที่ที่โดดเด่นและแตกต่างต้องการ ความเชี่ยวชาญ ทั้งในด้านการเลือกใช้วัสดุ การจัดแสง และการดึงศักยภาพสูงสุดของพื้นที่ออกมา
ดังนั้น การออกแบบตกแต่งที่ "สวย" ในระดับที่โดดเด่นเหนือกว่าบุคคลทั่วไป จึงเป็นการสร้างพื้นที่ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความงาม แต่ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่สะท้อนรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ออกแบบและเจ้าของสถานที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Comments